Power Bank นั้นก็เป็นแบตเตอรี่ชนิดหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าตัวแบต ไม่ว่าจะเป็นแบตในอุปกรณ์ไหนๆ จะต้องมีความจุ (Capacity) ซึ่งบอกถึงปริมาณไฟฟ้าที่มันสามารถกักเก็บไว้ในเราพกพาไปใช้งานที่อื่นๆ ได้นั่นเอง
Power Bank ที่ขายอยู่ในท้องตลาดเองก็มีหลายรุ่นหลายขนาด และหลายความจุด้วย โดยความจุไฟฟ้านั้นจะนับหน่วยเป็นmAh (อ่านว่า มิลลิแอมป์อาวเออร์) โดยค่าความจุนี้จะถูกระบุอยู่ในสเปคของตัว Power Bank ซึ่งอาจจะเขียนไว้ในคู่มือ หรือเขียนไว้ที่ข้างตัว Power Bank ก็ได้ และต้องถือว่าค่าความจุนี้ เป็นคุณสมบัติหลักของ Power Bank ที่คุณจำเป็นจะต้องดูก่อนตัดสินใจซื้อที่เป็นอันดับแรกเลย
อย่างที่บอกไว้ ไม่ว่าแบตชนิดไหนๆ ก็ต้องมีความจุด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ Power Bank แต่แบตในสมาร์ตโฟน หรือในอุปกรณ์ต่งๆ ก็จะมีค่าความระบุไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าแบตมีความจุมาก ก็แปลว่าอุปกรณ์นั้นๆ จะสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น อันนี้เป็นเรื่องปกติที่ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องขึ้นกับอัตราการกินไฟของอุปกรณ์นั้นๆ ด้วยนะครับ
การเลือกดูความจุของ Power Bank นั้น สามารถคำนวณได้ง่ายๆ โดยดูจากแบตของอุปกรณ์ที่เราใช้งานเป็นมาตรฐาน เช่น สมาร์ตโฟนที่ใช้งานอาจจะมีแบตขนาด 1440mAh (iPhone5) โดยที่การใช้งานในแบบของคุณอาจจะใช้งานได้ประมาณ 6-7 ชั่วโมง หากคุณมี Power Bank ที่มีความจะประมาณ 2600mAh แปลว่า มันจะสามารถชาร์ตสมาร์ตโฟนของคุณ จากที่แบตหมดเกลี้ยงให้เต็มได้รอบนึง กับอีกนิดๆ หรือเท่ากับว่าใช้ต่อไปได้อีก ประมาณ 6-7 ชั่วโมงกว่าๆ นั้นเอง หลังจากนั้นจะต้องนำ Power Bank ไปชาร์ตไฟใหม่ เพื่อให้มีไฟสำรองไว้ใช้เหมือนเดิม
คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณต้องการพลังงานสำรองปริมาณเท่าไหร่? โดยอาจจะต้องดูระยะเวลาที่คุณคาดว่า จะต้องออกไปข้างนอก โดยหาปลั๊กไฟเสียบลำบาก มาคิดค่าชาร์ตไฟบ้าง ระยะเวลาที่อุปกรณ์เหล่านั้นจะใช้งานได้จากแบตเต็มๆ จนหมดเกลี้ยง และจำนวนอุปกรณ์ที่คุณมีทั้งหมด เพราะบางคนมีสมาร์ตโฟน 2 เครื่อง ยังไม่นับแท็บเล็ตและอุปกรณ์อื่นๆ อีก เราจะได้ปริมาณไฟที่เราต้องการเพื่อไปเลือกหา Power Bank ที่ตอบโจทย์ได้แล้ว เวลาเลือกก็เผื่อความจุให้มากขึ้นกว่าที่ต้องการประมาณ 10-20% ไว้ด้วย เพราะนั่นเป็นการคำนวณทางทฤษฏีเฉยๆ
หน้าที่เข้าชม | 4,311,059 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,912,822 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |